ชีวิตคนเรา เกิดมาแล้วต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง
เรามาเกิดบนโลกใบนี้ ทำทุกอย่างบนโลกใบนี้ และ ไม่สามารถเอาอะไรจากโลกใบนี้ไปได้
นอกจาก บุญ ธรรม กรรม แต่ง เท่านั้น
ที่สุดของขีวิตหาใช่ความตายไม่
หากแต่เป็น การไม่ต้องลงมาเกิดให้ทุกข์ทุกอย่างอีก
ชีวิตคนเรา สั้นเกินกว่าจะเสียเวลาไปกับสิ่งสมมุติที่ไม่มีตัวตน
การอุปทานว่า ทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้เป็นสิ่งที่มีตัวตน จับต้องได้ และ คงอยู่ตลอดไปนั้น
เป็นการเขลาเบาปัญญา ไร้สติที่ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งดำสู่ความเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น
หน้าที่หลักของการเกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่งนั้น…
คือ การพัฒนาตัวเองไปถึงขีดสุดแห่งกองทุกข์ และ ดับซึ่งกิเลศ ตัณหา
ขัดเกลา จิตใจของเราให้พ่องใส รักษาศีล สมาธิ ปัญญา มีสติ รู้ตัวอยู่กับตัวเองตลอด
ค้นหาตัวเองและจิตเดิมของเราให้เจอ
ก่อนที่จะถูกอวิชชาครอบ จิตของทุกคนล้วน ใสสว่างสุกดุจเพชรเปร่งเป็นประกายงดงามมีแสงในตัวเอง
หาใช่ก้อนดำๆ มืดๆ มั่วๆ จนมองจิตตัวเองไม่เห็นเช่นนี้…
หน้าที่สำคัญของการเกิดมาเป็นมนุษย์…
จงทำสัมมาอาชีพที่ไม่เป็นการเบียดเบียนใครแม้แต่ตัวเองเถิด
จงทำทุกอย่าง อย่างเข้าใจ และ ตะหนักรู้ว่า เราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร มีประโยชน์ มีคุณค่า และ ควรค่าแก่การเสียเวลาทำไหม
จงทดแทนผู้มีพระบุญด้วยความกตัญญูกตเวที อย่าได้ขาดพร่อง
จงรักษาความดี ละทำความชั่ว ด้วยกาย วาจา ใจเราในทุกอิริยบทของทุกเวลาเถอะ
จงศึกษาธรรมชาติ เข้าใจตามความจริง ว่าทุกสิ่งล้วนแล้วตั้งอยู่บนกฏแห่งไตรลักษณ์ทั้งสื้น
คือ มีเกิด ตั้งอยู่ ดับไป ไม่เที่ยง ไม่จีรัง ทนอยู่ในสภาพเดิมๆ นานๆไม่ได้ เปลี่ยนแปรง ตลอดเวลา
เสื่อมโทรมลงไปทุกวัน ควบคุมไม่ได้ ไม่มีตัวตน ยึดถือไม่ได้ ไม่ใช่สิ่งที่คงอยู่ถาวร เป็นไปตามวิสัยของมัน
และเป็นเช่นนั้นเองตามปกติ…ทุกสิ่งดำเนินไปตามวีถีแห่งกฏนี้ทั้งสื้น ไม่ใช่แค่คน สัตว์ หรือ สิ่งของ
แต่รวมไปถึง เทวดา นางฟ้า เทพ พรหม ด้วย…
ผู้ใดที่ยังอยู่ในวัฏสงสาร ผู้นั้นย่อมอยู่ภายใต้กฏแห่งความทุกข์และไม่เที่ยงนี้ทั้งสิ้น
กฏแห่งกรรม กฏแห่งไตรลักษณ์ กฏแห่งธรรมชาติ กฏแห่งดวงดาว กฏแห่งโลก กฏแห่งชีวิต…
จงปฏิบัติตน เพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นอสิระเสรีแห่งเจตจิตเถิด…
การไม่ขึ้นตรงต่อสิ่งใดๆทั้งปวงแม้แต่ความสุข หรือ ทุกข์ ย่อมทำให้ใจเราสงบสบายร่มเย็นได้อย่างน่าอัศจรรย์
จงลอยอยู่เหนือธรรมคู่ซึ่งคือ การเกิด-ดับ เจริญ-เสื่อม ถูก-ผิด เหตุ-ผล
ซึ่งจะเป็นการนำพาความเป็นกลางมาสู่ภายใน แล้วใจจะได้อยู่ใกล้พระนิพพาน แม้เพียงหนึ่งลมหายใจก็ถึงได้ไม่ไกลเกิน